เขียนโดย: Thanathip

เมื่อ: 2 กันยายน 2565 - 16:38

Yamaha E01 รถสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า Prototype ที่สมบูรณ์แบบ

 

     Yamaha E01 (อี ซีโร่ วัน) รถสกู๊ตเตอรไฟฟ้า 100% จากค่ายยามาฮ่าในตอนนี้บอกเลยว่าเป็นหนึ่งในรถมอเตอร์ไซค์ที่มีกระแสร้อนแรงอย่างมากตั้งแต่การเปิดตัวครั้งแรกในงาน Motor Show 2022 ที่ผ่านมา และในครั้งนี้ BoxzaRacing ได้รับเชิญจากทางบริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด เข้าร่วมทดสอบการขับขี่ Yamaha E01 ร่วมกับผู้บริหารระดับสูงของยามาฮ่า ซึ่งเราก็ได้ลองสมรรถนะกันมาแบบจัดเต็ม บนเส้นทางของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จะเป็นยังไงและมีฟีเจอร์อะไรเด็ดๆ บ้างไปชมกันได้เลย

 

 

     ก่อนอื่นต้องบอกก่อนเลยว่า Yamaha E01 ที่เราได้เห็นในงาน Motor Show 2022 เป็นตัวเดียวกันกับที่เราใช้ขับขี่ทดสอบในครั้งนี้ ซึ่งเป็นรถ PoC (Proof of Concept) หรือ รถต้นแบบที่ใช้ทดสอบก่อนเริ่มโปรเจคนั่นเอง โดยตอนนี้ได้ทำออกมาทั้งหมด 500 คัน ทั่วโลก และถูกนำมาวิ่งทดสอบในประเทศไทยทั้งหมด 40 คัน ที่สำคัญนี่เป็นการขับขี่ทดสอบ Yamaha E01 โดยสื่อมวลชนสายจักรยานยนต์ครั้งแรกในอาเซียนเลยก็ว่าได้ ซึ่งการขับขี่ทดสอบในครั้งนี้ก็เพื่อเก็บข้อมูลการใช้งาน และค้นหาจุดเด่นจุดด้อยเกี่ยวกับตัวรถเพื่อนำไปพัฒนาตัวที่จะผลิตและวางขายจริงนั่นเอง

 

 

     Yamaha E01 มาพร้อมกับดีไซน์แบบพรีเมียมสกู๊ตเตอร์ มีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ตั้งแต่หัวจรดท้ายตามแบบฉบับของ Yamaha ไม่ว่าจะเป็นไฟหน้าที่ถูกถอดแบบมาจากรุ่นพี่สปอร์ตไบค์ตัวแรงอย่าง YZF-R1 กับ บอดี้ตัวรถรอบคันที่ถูกพัฒนาขึ้นมาโดยอิงพื้นฐานมาจาก NMAX จึงทำให้เจ้า E01 มีความแอบคล้าย NMAX อยู่ในตัว

 

 

     ในด้านของสมรรถนะ Yamaha E01 ขับเคลื่อนโดยใช้พลูเลย์และสายพาน ให้กำลังขับเคลื่อนสูงสุด 8.1 กิโลวัตต์-ชั่วโมง ที่ 5,000 รอบหรือเทียบเท่ากับรถจักรยานยนต์เครื่องสันดาปขนาด 125 ซีซี ทำความเร็วได้สูงสุดที่ 100 กม./ชม. และสามารถวิ่งได้ระยะทางสูงสุดถึง 130 กิโลเมตร ต่อการชาร์จไฟ 1 ครั้ง (ความเร็วคงที่ 60 กม./ชม.) ตามาตรฐาน WMTC คลาส 1ในยุโรป และยังมาพร้อมกับระบบควบคุมอิเล็กทรอนิกส์โดย Vehicle Control Unit, Battery Management System และ Motor Control Unit พร้อมด้วยโหมดการขับขี่อีก 3 รูปแบบ คือ

  • โหมด Eco ให้กำลังขับเคลื่อนสูงสุด 5.4 kW ที่ 4,500 รอบ/นาที มีแรงบิด 21.4 Nm ที่ 1,500 รอบรอบ/นาที ทำความเร็วได้ไม่ไม่เกิน 60 กม./ชม. (มีระยะเดินทางได้ถึง 130 กิโลเมตร)
  • โหมด Standard (STD) ให้กำลังขับเคลื่อนสูงสุด 8.1 kW ที่ 5,000 รอบ มีแรงบิด 24.5 Nm ที่ 1,500 รอบ ใช้ความเร็วได้มากกว่า 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง (มีระยะเดินทางได้ 100 กิโลเมตร)
  • โหมด Power  (PWR) ให้กำลังขับเคลื่อนสูงสุด 8.1 kW ที่ 5,000 รอบ มีแรงบิดที่ 30.2 Nm ที่ 1,950 รอบ ใช้ความเร็วได้มากกว่า 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง (มีระยะเดินทางได้ 100 กิโลเมตร)

 

 

แบตเตอรี่เป็นแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน ความจุสูง 4.9 กิโลวัตต์ สามารถชาร์จได้ 3 รูปแบบคือ

  • ระบบ Fast Charge ซึ่งเป็นสถานีสำหรับการชาร์จด่วนโดยเฉพาะ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงจาก 0 ถึง 90%
  • ระบบ Normal Charge (แรงดันไฟ 200-240 โวลต์) ใช้เวลาในการชาร์จประมาณ 5 ชั่วโมง จาก 0 ถึง 100% เหมาะสำหรับติดตั้งที่บ้าน หรือที่อยู่อาศัย
  • ระบบ Portable Charge แบบชุดพกพา (แรงดันไฟฟ้า 100-240 โวลต์) ใช้ระยะเวลาในการชาร์จประมาณ 14 ชั่วโมง จาก 0 ถึง 100% สามารถเก็บไว้ในใต้เบาะชารจ์ได้ทุกที่เพียงแค่เสียบปลั๊ก

 

 

     สำหรับสมรรถนะช่วงล่างเป็นโช้คอัพหน้าแบบเทเลสโคปิคและหลังแบบสปริงคู่ วงล้อหน้า-หลัง ขนาด 13 นิ้ว ถูกรัดด้วยยางหน้าขนาด 110/70-13 และหลังขนาด 130/70-13 ส่วนระบบเบรกเป็นดิสก์เบรกเดี่ยวหน้า-หลัง ทำงานร่วมกับระบบ ABS ทั่งด้านหน้าและหลัง

 

 

     ในส่วนของฟีเจอร์เด่นๆ ของ Yamaha E01 คือ Regenerative Brake ที่จำลองความรู้สึกของ Engine brake ขณะลดความเร็ว และโหมดถอยหลัง (เกียร์ถอย) มาให้เพื่อช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในกรณีที่ต้องใช้แรงช่วยในการถอยอย่างเช่น การถอยลยบานทางลาดชันหรือถอยขึ้นจากแนวร่องระบายน้ำ นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับระบบ TCS (Traction Control System) ที่สามารถเปิด/ปิดได้ และเรือนไมล์หน้าจอแบบดิจิตอลที่ให้ความชัดเจนในการมองและบอกครบทุกฟังก์ชั่นการใช้งานไม่ว่าจะเป็น มาตรวัดความเร็ว ปริมาณของแบตเตอรี่ ระยะทาง และ ฯลฯ 

 

First Ride Yamaha E01

 

 

     สำหรับการขับขี่ Yamaha E01 ในครั้งนี้เส้นทางของเราจะเริ่มต้นที่ คีรีมายา - อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ แล้วกลับไปยัง คีรีมายา และต้องบอกไว้ก่อนว่านี่เป็นครั้งแรกที่ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า เริ่มออกสตาร์ทไม่รอช้ารีบทำความคุ้นชินกับตัวรถก่อนด้วยโหมด Standard สิ่งแรกที่สัมผัสได้คือคันเร่งมีความนุ่มนวล ตัวรถไม่กระชากหน้าหงายจนเหวอ ทำให้ผู้ขับขี่รู้สึกควบคุมรถได้ง่าย เมื่อเข้าสู่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ในจุดนี้ทำเราได้สามารถรีดสมรรถนะของตัวรถออกมาได้อย่างเต็มที่ในการขับขี่โหมด Standard ระบบซอฟแวร์สามารถควบคุมจัดการแรงบิดของมอเตอร์ได้อย่างลงตัว ขณะลงทางลาดชันหรือจังหว่ะที่ยกคันเร่งสัมผัสได้ถึง Regenerative Brake ที่จำลองความรู้สึกของ Engine brake ได้อย่างชัดเจน 

      หลังจากที่ทดลองขับขี่กับโหมด Standard กันมาได้สักพักก็ได้เปลี่ยนมาทดสอบโหมด PWR กันต่อเลย การเปลี่ยนโหมดระหว่างขับขี่นั้นสะดวกสบายมากๆ เพียงแค่ยกคันเร่งแล้วขยับปลายนิ้วไปกดปุ่ม MODE เท่านี้ก็สามารถเปลี่ยนโหมดการขับขี่ได้แล้ว และในโหมด PWR เป็นโหมดที่ให้แรงบิดมากที่สุดจากทั้ง 3 โหมด เมื่อกดคันเร่งสัมผัสถึงความแตกต่างของแรงบิดได้อย่างชัดเจนเพราะตัวรถมีการตอบสนองที่ไวมากยิ่งขึ้นเมื่อเปิดคันเร่งสามารถส่งรถขึ้นเนินไปได้อย่างสบายๆ 

 

 

     ต่อกันด้วยโหมด ECO เป็นโหมดที่ประหยัดการใช้พลังงานมากที่สุดเลยก็ว่าได้ และโหมดนี้จะถูกจำกัดความเร็วในการวิ่งไว้ไม่เกิน 60 กม./ชม. ซึ่งต่างจากโหมด STD และ PWR ที่ทำความเร็วสูงสุดที่ 100 กม./ชม. หลังจากที่สัมผัสฟีลลิ่งการขับขี่ของทั้ง 3 โหมดการขับขี่แล้วบอกเลยว่ามีความแตกต่างกันอย่างชัดเจนในการขับขี่ขึ้นเนินบนเส้นทางเขาใหญ่นั้นก็มีความชันมากน้อยสลับกันไปแต่เมื่อขับขี่ในโหมด ECO แม้ว่าแรงบิดจะน้อยที่สุด แต่กำลังส่งดันรถขึ้นเนินยังเพียงพอต่อการใช้งานอยู่เช่นกัน

 

 

     ด้านสมรรถนะของช่วงล่าง Yamaha E01 นั้นทำออกมาได้ดีงามจริงๆ ทั้งด้านหน้าและหลัง สามารถซับแรงได้อย่างไม่มีปัญหา ตัวรถนิ่งหนึบเกาะติดถนนสามารถเข้าโค้งได้อย่างมั่นใจ สมรรถนะของเบรกหน้า/หลังตอบสนองได้ดี ส่วนระบบเบรก ABS แบบ 2 ชาแนล จะทำงานได้อย่างเต็ม 100% เมื่อกำเบรกหน้าและหลัง ด้านระบบ TCS ทำงานได้ฉับไวตัวรถจะถูกหน่วงกำลังลงและไม่เสียอาการเมื่อเจอกับพื้นผิวลื่นๆ

 

 

     การวางตำแหน่งท่านั่งขับขี่ในจุดนี้บอกเลยว่าไม่แตกต่างกับ NMAX เบาะนั่งมีความนุ่มนวลและจุดพื้นที่วางเท้าค่อนข้างกว้าง สามารถขยับวางเท้าในท่านั่งปกติหรือเหยียดไปด้านหน้าได้อย่างสบายๆ ส่วนความสูงของเบาะนั่ง 755 มม. กับน้ำหนักตัวรถประมาณ 150 กก. ไม่เป็นปัญหาสำหรับคนตัวเล็กในหากต้องขยับรถถอยหลังในกรณีที่อยู่บนทางลาดชันหรือออกจากช่องจอดสามารถทำได้อย่างสบายๆ เพราะมีฟีเจอร์เกียร์ถอยหลังมาให้ ซึ่งใช้งานได้อย่างปลอดภัยเพราะต้องกดปุ่ม R ที่อยู่ในตำแหน่งไฟ Pass ค้างไว้จนไฟสีส้มแสดงที่เรือนไมล์และกดสวิทช์ MODE ตัวรถถึงจะถอยหลังด้วยความเร็ว 1 กม./ชม.

 

สรุป

 

 

     Yamaha E01 ที่เราได้ขับขี่ทดสอบนั้นจะเป็น POC แต่ต้องบอกเลยว่ามันรถต้นแบบที่สมบรูณ์มากๆ เพราะฟีลลิ่งในการขับขี่นั้นแทบไม่มีความแตกต่างจากรถเครื่องยนต์สันดาปเลย และด้วยความเป็นรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า 100% ทำให้เราได้สัมผัสกับบรรยากาศธรรมชาติได้อย่างเต็มที่ เพราะจะได้ยินเสียงลมแทนเสียงเครื่องยนต์ ในด้านของสมรรถนะกำลังที่ใช้ขับเคลื่อนทั้ง 3 โหมด มีความแตกต่างที่ชัดเจน ซึ่งถ้าหากเปลี่ยนโหมดการขับขี่มาเป็น ECO ในขณะที่ความเร็วมากกว่า 60 กม./ชม. จะไม่สามารถเติมคันเร่งเพิ่มความเร็วขึ้นไปได้ ส่วน Regenerative Brake ที่จำลองความรู้สึกของ Engine brake ในรูปแบบการขับขี่ทั้ง 3 โหมด ไม่มีความแตกต่างกัน (หากได้รับการพัฒนาและวางจำหน่ายอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน) ส่วนท็อปสปีดที่สามารถทำได้จะอยู่ประมาณที่ 105 กม./ชม.

     ในส่วนของช่วงล่างโช้คอัพมีความนุ่มหนึบทั้งหน้าและหลัง ช่วยซับแรงกระแทกได้เป็นอย่างดี น้ำหนักตัวรถ 150 กก. ตำแหน่งการวางแบตเตอรี่ช่วงกลางบอดี้ ทำให้น้ำหนักของรถไม่เทไปด้านหน้าหรือหลังมากเกินไป จุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำกำลังดีส่งผลให้ตัวรถมีความนิ่งหนึบเกาะติดถนน สามารถพลิกเลี้ยวเข้าโค้งได้อย่างเฉียบคม ส่วนการขับขี่ทดสอบในระยะทางรวมทั้งหมดประมาณ 90 กม. ท่านั่งและการคอนโทรลรถนั้นทำได้อย่างสบายๆ ถ้าหากเป็นการใช้งานในเมืองแล้วถือมีความคล่องตัวสูง

 

 

     สุดท้ายนี้ Yamaha E01 คาดว่าราคาค่าตัวนั้นจะอยู่ประมาณที่ 150,000 บาทขึ้นไป และไม่น่าจะเกิน 2 แสนบาท ส่วนการนำเข้ามาทำตลาดในประเทศนั้นอย่างเร็วที่สุดคือภายใน 1-2 ปี เพราะรถที่เราได้ขับขี่นั้นเป็นรถ POC ซึ่งการทดสอบครั้งนี้ทาง Yamaha จะนำข้อมูลไปพัฒนาออกมาให้ตัวรถสมบรูณ์ยิ่งขึ้น แม้ว่ารถต้นแบบแต่ Yamaha E01 ความสมบรูณ์มากๆ และฟีลลิ่งการขับขี่นั้นไม่ต่างจากรถเครื่องยนต์สันดาปเลย ถ้าหากเริ่มผลิตคันจริงและวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ บอกเลยว่าเป็นรถสกู๊ตเตอรไฟฟ้าที่ควรซื้อไว้เพื่อใช้งานอยู่เช่นกัน

รถซื้อสอง ซื้อขายรถ ของแต่งรถ

ข่าวที่ใกล้เคียง

แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook