Honda เตรียมสร้างปรากฏการณ์ใหม่ ต้อนรับปี 2018 หลังจากที่ปล่อยให้ไบค์เกอร์ชาวไทยต้องรอเก้อ และถามถึงกันมาอย่างหนาหู ถึงการอัพเกรดรถ Naked Bike ในพิกัด 300 ซีซี. และ 1,000 ซีซี. ซึ่งก่อนหน้านี้ได้รับการคาดการณ์กันไว้ว่าจะเปิดตัวในงาน Motor Expo 2017 ที่ผ่านมา แต่ผิดคาด จึงเป็นไปได้ว่าทาง Honda อาจจะนำมาเปิดตัวในช่วงไตรมาสแรกของปี 2018 แทน
ด้านดีไซน์ และรายละเอียดคงไม่ต้องอธิบายอะไรกันมากนัก เพราะหยิบยกมาจากรุ่นน้องในค่ายที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อปี 2017 อย่าง Honda CB150R Exmotion ที่มาพร้อมไฟหน้า LED ทรงกลม, ทรงรถแบบ Naked Bike สไตล์ Modern Cafe, เบาะนั่งแบบ 2 ตอน ยกระดับผู้ซ้อนท้าย, แฮนด์บาร์, ไฟท้าย LED แบบเหลี่ยม อ็อพชั่นจัดเต็มระดับ Big Bike ไม่ว่าจะเป็นโช้คอัพหน้า Upside Down ขนาด 41 มม. ด้านหลังแบบ Mono Shock ทำงานร่วมกับสวิงอาร์ม เบรคหน้า Nissin 4 Pot แบบ Radial Mount จานเบรคแบบคลื่น พร้อมระบบ ABS ทั้งหน้า และหลัง หน้าปัดเรือนไมล์แบบดิจิตอล ฯลฯ
สำหรับเครื่องยนต์นั้น ก็ยังคงคุ้นหน้าคุ้นตากันเป็นอย่างดี กับเครื่องยนต์แบบ 1 สูบ ขนาด 286 ซีซี. ระบายความร้อนด้วยน้ำ จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยระบบหัวฉีด PGM-FI ส่งกำลังผ่านเกียร์ 6 สปีด พร้อมคลัชท์มือ ซึ่งเป็นเครื่องยนต์บล็อคเดียวกันกับ CBR300R, CB300F และ Rebel 300 นั่นเอง แต่คาดว่าน่าจะมีการปรับจูนในเรื่องของแรงม้า และแรงบิดใหม่ ให้มีความจัดจ้าน ขี่สนุกมากยิ่งขึ้น ตามแบบฉบับรถ Naked Bike
อีกหนึ่งโมเดลที่มีความน่าสนใจ และถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญของ Honda ในปีนี้เลยก็ว่าได้ กับ Naked Bike รุ่นใหญ่สุด Honda CB1000R ที่ได้รับการเผยโฉมในฐานะรถ Concept Bike ในชื่อรุ่น Neo Sports Café Concept ที่งาน Tokyo Motor Show 2017 และได้รับการเปิดตัวในฐานะรถ Producation ครั้งแรกของโลกที่งาน EICMA Show 2017 ที่ผ่านมา ซึ่งสร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้กับวงการ Naked Bike เลยทีเดียว
สำหรับดีไซน์ของ Honda CB1000R ก็ยังคงความคลังของมนต์เสน่ห์แบบ Modern Cafe ที่ถอดแบบมาจากรถต้นแบบ Neo Sports Café Concept ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับโมเดลรุ่นน้องอย่าง CB300R และ CB150R Exmotion ไม่ว่าจะเป็นไฟหน้า LED แบบกลม, แฮนด์บาร์, เรือนไมล์แบบดิจิตอล, ปีกกันกระแทกหม้อน้ำ, ไฟท้าย LED แต่มีการปรับเปลี่ยน และอัพเกรดในเรื่องของโครงรถ ที่สร้างซับเฟรมน้ำหนักเบาพิเศษมาโดยเฉพาะ ซึ่งลดน้ำหนักได้ถึง 12 กก. (เมื่อเทียบกับโมเดลเก่า) โช้คอัพหน้า Upside Down จาก Showa ด้านหลังเป็นแบบ Mono Shock ยึดกับสวิงอาร์มแบบ Proarm (สวิงอาร์มข้างเดียว) ระบบเบรคของ Tokico พร้อมระบบ ABS ทั้งหน้า และหลัง
ด้านขุมพลังเครื่องยนต์ของ Honda CB1000R นั้น ได้ยกเอาเครื่องยนต์จาก CBR1000RR Fireblade มาบรรจุลงทั้งบล็อค แต่มีการปรับจูนในส่วนของแรงม้า และแรงบิดให้เหมาะกับสไตล์การขับขี่ในรูปแบบ Naked Bike กับเครื่องยนต์แบบ 4 สูบเรียง ขนาด 998 ซีซี. ที่ให้แรงม้าเพิ่มขึ้นถึง 16% และแรงบิดเพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบกับโมเดลก่อนหน้า รวมไปถึงการนำเอาเทคโนโลยีจาก CBR1000RR Fireblade มาติดตั้งให้อย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็น คันเร่งไฟฟ้า (Ride By Wire), โหมดการขับขี่ 3 โหมด, ระบบ Slipper Clutch (ป้องกันท้ายปัดขณะเชนจ์เกียร์), ระบบ Quickshifter (ตัวช่วยเปลี่ยนเกียร์โดยไม่ต้องกำคลัทช์)
สำหรับ Honda CB300R และ CB1000R คาดว่าจะได้รับการเปิดตัวอย่างเป็นทางการกันที่งาน Motor Show 2018 ที่จะจัดขึ้นในช่วงเดือนมีนาคม - เมษายน สำหรับใครที่หมายปอง และอยากครอบครองรถ Naked Bike สไตล์ Modern Cafe ทั้ง 2 รุ่นนี้ เตรียมเก็บเงินรอกันได้เลย
ขอบคุณภาพ และข้อมูล : motorcyclenews.com
